การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช เป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชที่มีประสิทธิภาพ โดยการนำชิ้นส่วนของพืชที่มีชีวิต เช่น ตายอด ตาข้าง ใบ ก้านใบ อับละอองเกสร ลำต้น ฯลฯ มาเพาะเลี้ยงในสูตรอาหารสังเคราะห์ที่มีสารอาหารและวิตามินต่างๆ ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด ซึ่งข้อดีของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชที่โดดเด่น คือ สามารถผลิตขยายต้นพืชได้ในปริมาณมาก พืชที่ได้จะมีพันธุกรรมเหมือนต้นแม่พันธุ์ ทุกประการ เพราะฉะนั้นหากต้องการได้ต้นพันธุ์ดี ตรงตามพันธุ์ มีคุณภาพ ให้ผลผลิตสูง การคัดเลือกพันธุ์จึงเป็นขั้นตอนเริ่มต้นที่สำคัญอย่างยิ่งในการผลิตพืชโดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และที่สำคัญยังสามารถผลิตพืชปลอดโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส ไฟโตพลาสมา เชื้อรา แบคทีเรีย ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อดีในด้านการค้า เนื่องจากสามารถ ได้ต้นที่สม่ำเสมอ ซึ่งการผลิตพืชเศรษฐกิจเชิงอุตสาหกรรม จะเป็นประโยชน์มากในการ วางแผนการผลิตให้สามารถเก็บผลผลิตได้พร้อมกัน ซึ่งพืชเศรษฐกิจสำคัญที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการผลิตเพื่อส่งเสริมเกษตรและเห็นผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ กล้วย หน่อไม้ฝรั่ง และอ้อย เป็นต้น
หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชผักส่งออกที่สำคัญ ผลผลิตร้อยละ 20 ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ทำรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 200 ล้านบาท มีผู้รับซื้อสำคัญ คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และประเทศตะวันออกกลาง มีผู้ส่งออกรายใหญ่ ได้แก่ บริษัทธานียาม่าสยาม จำกัด บริษัทสวิฟท์ จำกัด และบริษัทกำแพงแสน คอมเมอร์เชี่ยล จำกัด เนื่องจากเป็นพืชส่งออก คุณภาพผลผลิตเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดรายได้ของเกษตรกร เพราะบริษัทผู้ส่งออกกำหนดราคารับซื้อตามเกรดของผลผลิต โดยผลผลิตเกรดเอ จะมีราคาสูงถึง 100-120 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ขณะที่ผลิตเกรดบีราคา 70 บาทต่อ กก. เกรดซี 40 บาทต่อ กก. และเกรดแซด หรือตกเกรด ราคา 15 บาทต่อ กก.