|
โรค แมลง ศัตรูพืชและการเข้าทำลาย... ถั่วเหลืองในฤดูแล้ง |
|
เผยแพร่ : วันที่ 7 เมษายน 2559 |
|
|
โรคใบจุดนูน : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย |
|
|
|
|
|
|
ลักษณะการเข้าทำลาย |
เกิดจุดสีเหลืองแกมเขียวด้านใต้ใบ ต่อมาขยายขนาดโตขึ้น กลางแผลจะแห้งตกสะเก็ดเป็นตุ่มเล็กๆ สีน้ำตาลคล้ายโรคราสนิม แต่จะมีวงสีเหลืองล้อมรอบ |
|
การควบคุมและป้องกัน |
1. หมั่นสำรวจติดตามสถานการณ์การระบาดศัตรูพืช และสำรวจแปลงสม่ำเสมอ
2. ฉีดพ่นด้วยสารเคมีป้องกันและกำจัดเชื้อแบคทีเรียประเภทสารประกอบทองแดง เช่น คอปเปอร์ ออกซี่คลอไรด์ แต่
การใช้สารเคมีประเภทนี้ควรระมัดระวัง ไม่ควรผสมให้เข้มข้นเกินที่แนะนำในฉลาก เพราะอาจทำให้ถั่วเหลืองมีอาการไหม้ได้
3. หลังการเก็บเกี่ยว ทำลายเศษซากพืชที่เป็นโรคให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคในฤดูถัดไป |
|
หนอนแมลงวันเจาะลำต้น |
|
|
|
|
ลักษณะการเข้าทำลาย |
ตัวหนอนจะชอนไชไปตามเส้นใบ ผ่านลำต้นและเข้าไปอาศัยกัดกินเนื้อเยื่อที่ลำต้น มีทั้งชนิดที่กัดกินอยู่ภายใน และภาย
นอกลำต้นถ้าทำลายในระยะแรกของการเจริญเติบโตจะทำให้ต้นตายแต่ถ้าทำลายในระยะต้นโตจะทำให้ต้นแคระแกร็น ข้อโป่ง ปล้องสั้น และผลผลิตลดลงพบระบาดทั่วไปในไร่ถั่วเหลืองทุกฤดูปลูก |
|
การควบคุมและป้องกัน |
1. หมั่นสำรวจติดตามสถานการณ์การระบาดศัตรูพืช และสำรวจแปลงสม่ำเสมอ
2.
การควบคุมโดยชีววิธี ใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราบิวเวอเรียฉีดพ่น บริเวณที่พบหนอนแมลงวันเจาะลำต้น
3. ป้องกันโดยใช้สารเคมี เช่น พ่นสารฆ่าแมลงไตรอะโซฟอส 40% อีซี. อัตรา 40 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร จำนวน 2 ครั้ง พ่นครั้งแรกเมื่อ ถั่วเหลืองอายุระหว่าง 7 - 10 วัน และพ่นซ้ำอีกครั้งหลังจากพ่นครั้งแรก 7 วัน |
|
หนอนเจาะฝักถั่ว |
|
|
|
|
ลักษณะการเข้าทำลาย |
ตัวเต็มวัยเพศเมียวางไข่บนฝักถั่วเหลืองหรือบริเวณลำต้นใกล้ๆ กับฝักจะวางไข่มากที่สุด หลังจากถั่วเหลืองติดฝัก 5 - 10 วัน เมื่อฟักออกเป็นตัวหนอนจะเจาะเข้าไปอาศัยกัดกินเมล็ดอยู่ในฝักถั่ว โดยจะพบรอยทำลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าพบรอยเจาะขนาดโตและมีมูลของหนอนรอบ ๆ รอยเจาะ แสดงว่าเมล็ดถูกทำลายเกือบหมด และหนอนจะมีขนาดโตแล้ว |
|
การควบคุมและป้องกัน |
1. หมั่นสำรวจติดตามสถานการณ์การระบาดศัตรูพืช และสำรวจแปลงสม่ำเสมอ
2. การควบคุมโดยชีววิธี ใช้สารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราบิวเวอเรียฉีดพ่น บริเวณที่พบตัวหนอน
3. การควบคุมโดยใช้สารเคมี ในระยะที่ถั่วเหลืองเริ่มติดฝักอ่อนควรพ่นด้วยสารกำจัดแมลง ดังนี้ ไตรอะโซฟอส 40% อีซี อัตรา 50 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แลมดาไซฮาโลทริน 2.5% อีซี อัตรา 20 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร จำนวน 2 - 3 ครั้งห่างกัน 7 - 10 วัน |
|
เพลี้ยอ่อน |
|
|
|
|
ลักษณะการเข้าทำลาย |
เพลี้ยอ่อนจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มบริเวณใต้ใบพืชหรือลำต้นส่วนยอดหรือตามฝักถั่วเหลืองเพื่อดูดกินน้ำเลี้ยง เข้าทำลายตั้งแต่ถั่วเหลืองมีใบประกอบข้อที่ 2 บานเต็มที่ ปริมาณการระบาดสูงสุดในระยะฝักยาวเต็มที่ ทำให้ต้นถั่วเหลืองแคระแกร็น ใบหงิกงอและฝักบิดเบี้ยว ผลผลิตลดลงมากกว่าร้อยละ 30 มูลของเพลี้ยอ่อนเป็นอาหารของราดำ (sooty mold) ทำให้ราดำเจริญเติบโตปกคลุมตามส่วนต่าง ๆ ของพืช |
|
การควบคุมและป้องกัน |
|
1. หมั่นสำรวจติดตามสถานการณ์การระบาดศัตรูพืช และสำรวจแปลงสม่ำเสมอ
2. การควบคุมโดยชีววิธี ใช้ศัตรูธรรมชาติ ได้แก่ ด้วงเต่าตัวห้ำ แมลงช้างปีกใส และแตนเบียนดักแด้
3. การควบคุมโดยใช้สารเคมี ถ้าพบการระบาดของเพลี้ยอ่อนให้ใช้สารกำจัดแมลง ดังนี้
-
ไตรอะโซฟอส 40% อีซี อัตรา 40 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก จำนวน 1 - 2 ครั้ง 7 - 10 วัน
- คาร์โบซัลเฟน 20% อีซี อัตรา 50 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก จำนวน 1 - 2 ครั้ง 7 - 10 วัน |
|
|
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานเกษตรอำเภอ และศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช
ใกล้บ้านท่าน
|