|
ข้าว...แมลงศัตรูข้าว |
|
ข้อมูล : กลุ่มการจัดการศัตรูพืชหลังการเก็บเกี่ยว |
เผยแพรข้อมูล : วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 |
|
สภาพภูมิอากาศทั่วไป |
การคาดหมายในช่วงเดือน กรกฎาคม 2559 จะมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย
มีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พาดผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้
บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองอยู่ในเกณฑ์เป็นแห่งๆถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง ต่อจากนั้นมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัด
ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง
แมลงศัตรูข้าวมีอยู่หลายชนิดที่เข้าทำลายในหลายช่วงอายุการเจริญเติบโตของต้นข้าาว เช่น ระยะต้นกล้า ได้แก่ เพลี้ยไฟ หนอนกระทู้กล้า เพลี้ยกระโดดหลังขาว ระยะแตกกอ ได้แก่ หนอนกอข้าว และระยะออกรวง ได้แก่แมลงสิง หนอนกระทู้คอรวง แต่ที่สำคัญในช่วงระยะนี้ ได้แก่
|
|
1. หนอนกระทู้กล้า |
ขณะนี้หลายพื้นที่ในทุกภาคของประเทศไทย เกษตรกรเริ่มทำการปลูกข้าว การเพาะปลูกและข้าวส่วนใหญ่อยู่ในระยะกล้า เกษตรกรควระมัดระวังการระบาดของหนอนกระทู้กล้า ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายต่อนาข้าวของชาวนาได้ ดังนั้น เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอเมื่อเริ่มพบ ให้รีบแจ้งสำนักงานเกษตรอำเภอ สำน้กงานเกษตรจังหวัด เพื่อดำเนินการควบคุม และหาแนวทางป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาดรุนแรง
|
หนอนกระทู้กล้ามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Spodopteramauritia (Boisduval) |
|
|
|
รูปร่างลักษณะ : เป็นผีเสื้อกลางคืนปีกคู่หน้าสีเทาปนน้ำตาล ความกว้างของปีกเมื่อกางออกประมาณ 3.5 - 4 ซม. ปีกคู่หลังสีขาว บินเก่งสามารถอพยพได้ไกลเป็นระยะทางหลายสิบหรือหลายร้อยกิโลเมตร วางไข่เป็นกลุ่มบริเวณยอดอ่อนของข้าว ตัวหนอนมีสีเทาถึงเขียวแกมดำด้านหลังมีลายตามความยาวของลำตัวจากหัวจรดท้ายแต่ละปล้องมีจุดสีดำ ตัวหนอนฟักจากไข่ช่วงเช้าตรู่ และรวมกลุ่มกันกัดกินส่วนปลายใบข้าว กลางวันจะหลบอยู่ในดินใต้เศษใบพืช ในพื้นนาที่แห้ง บางส่วนอยู่บนต้นข้าว ส่วนที่อยู่เหนือน้ำในนาลุ่มชอบเข้าดักแด้ในดินหรือบนต้นหญ้าตามคันนา
|
ลักษณะการทำลายและการระบาด : หนอนจะทำลายข้าวในเวลากลางคืน ระยะแรกจะกัดกินผิวใบข้าว เมื่อโตขึ้นจะกัดกินทั้งใบและต้นข้าวเหลือไว้แต่ก้านใบ หนอนจะกัดกินต้นกล้าระดับพื้นดิน นาข้าวจะถูกทำลายแหว่งเป็นหย่อมๆ และอาจเสียหายได้ภายใน 1 - 2 วัน ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หนอนมีการเคลื่อนย้ายเป็นกลุ่ม จากการขยายพันธุ์หลายๆ รุ่น บนวัชพืชพวกหญ้า และเคลื่อนเข้าสู่แปลงกล้าและนาข้าวจากแปลงหนึ่ง มักพบระบาดช่วงหลังน้ำท่วม เนื่องจากพืชอาหารพวกวัชพืชตระกูลหญ้ามีปริมาณไม่เพียงพอ
|
กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้ |
1. ควรถางหญ้าบริเวณคันนาของแปลงกล้าให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะหนอนกระทู้กล้าชอบอาศัยกินหญ้าบริเวณคันนาเป็นอาหารก่อนที่จะแพร่ระบาดคลุกลามเข้าแปลงกล้า |
2. เมื่อเกิดหนอนระบาดในแปลงกล้า ถ้าสามารถระบายน้ำเข้าแปลงกล้าจนท่วมยอดข้าว และเก็บหนอนมาทำลายทิ้งเสียก่อนจะปล่อยน้ำออกจากแปลงกล้า
|
3. เมื่อพบใบข้าวถูกทำลายมากกว่าร้อยละ 15 ใช้สารเคมี ดังนี้ |
- คาร์โบซัลแฟน (พอสซ์20% อีซี) อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
- มาลาไทออน (มาลาไธออน83% อีซี) อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร
|
|
2. โรคไหม้ข้าวระยะแตกกอ |
เกษตรกรที่ปลูกข้าวอยู่ในระยะข้าวแตกกอควรระวังโรคไหม้ระบาด สำหรับอาการของโรคพบที่กาบใบและข้อต่อใบของลำต้น ขนาดของแผลจะใหญ่กว่าที่พบในระยะกล้า แผลจะลุกลามติดต่อกัน บริเวณข้อต่อใบ มีลักษณะแผลสีน้ำตาลดำและใบมักจะหลุดออกจากกาบใบ โรคนี้สามารถทำความเสียหายให้กับข้าวได้อย่างกว้างขวางและรุนแรง เกษตรกรจึงควรหมั่นออกสำรวจแปลงนาอยู่เสมอ หากพบลักษณะอาการดังกล่าวให้รีบทำการป้องกันกำจัด
|
กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้ |
1. ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนลง วิธีนี้อาจมีผลกระทบกระเทือนต่อผลผลิตของข้าว แต่จะช่วยไม่ให้ข้าวอ่อนแอต่อโรคมากเกินไป |
2. เพิ่มปริมาณซิลิก้าให้แก่ต้นข้าวเพื่อต้านทานต่อโรคโดยใช้ปุ๋ยหมักและแคลเซียม |
3. ใช้เชื้อบีเอส (บาซิลลัส ซับทิลิส) อัตรา 30 – 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมสารจับใบฉีดพ่น |
4. เพาะกล้าและย้ายปลูกให้เร็วขึ้น และใช้พันธุ์ต้านทาน ได้แก่ กข1 กข9 กข11 สุพรรณบุรี 1 คลองหลวง1 |
5. ไม่ควรหว่านข้าวหนาแน่นนัก ควรแบ่งแปลงให้มีการระบายถ่ายเทอากาศดี |
6. การใช้สารเคมีคลุกเมล็ดสำหรับสารเคมีที่แนะนำใช้มี 2 ประเภท ดังนี้ |
1. ใช้คลุกเมล็ด เช่น เบโนมิลผสมไธแรม หรือคาร์ซูก้ามัยซิน คลุกเมล็ดก่อนปลูกหรือแช่เมล็ดในสารละลายเคมีนาน 24 ชั่วโมง ก่อนปลูก |
2. ใช้ฉีดพ่น ได้แก่ อิดิเฟนฟอส 50 เปอร์เซ็นต์ อีซี อัตรา 20 - 25 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร |
- บลาสติซิเดน-เอส 2 เปอร์เซ็นต์ อีซี อัตรา 20-25 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร |
-ไตรไซคราโซล 75 เปอร์เซ็นต์ ดับบลิวพี อัตรา 10-16 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ควรพ่นในแปลงข้าวที่มีประวัติว่าเคยมีโรคระบาดมาก่อน หรือพบว่าใบมีแผลในระยะที่ข้าวตั้งท้อง การใช้สารเคมีฉีดพ่นซ้ำกันหลายครั้ง เชื้อราจะต้านทานสารเคมีหรือดื้อยา ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อต้านทานสารเคมี จึงควรเลื้อกใช้สารเคมีฉีดพ่นสลับกัน |
|